Living in Thailand ตำนานโยนก  
  เวียงหนองหล่ม  


รายงานจาก กรมศิลปากร ภาค ๗ จังหวัดเชียงใหม่
โบราณสถาน เวียงหนองหล่ม - เวียงโยนก - สิงหนวติ
 

กรมศิลปากร ภาค ๗ เชียงใหม่ ค้นหาหลักฐานแหล่งโบราณคดี เวียงหนองหล่ม - เวียงโยนก - สิงหนวติ

ข่าวดีน่าตื่นเต้น กรมศิลปากร กำลังค้นหาแหล่งโบราณคดี เวียงหนองหล่ม ซึ่งได้เริ่มเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔.(เพิ่งไปพบรายงานของ กรมศิลปากร ในงาน ออกแบบ TCDC เชียงราย ๒๕๖๗)

เวียงหนองหล่ม จะเป็นแหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ในภาคเหนือตอนบน ถ้าไม่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

เรื่องราวเวียงหนองหล่ม หรือ เวียงโยนกนาคพันธ์สิงหนวติ ที่โพสท์ไว้ครั้งแรกเมื่อ 16 ปีก่อน จากนั้นก็ได้มีการติดตามค้นหาและศึกษาความเป็นไปได้และความเป็นจริง ก็พบว่า เกาะแม่ม่าย มีจริง ปัจจุบันคือ วัดป่าหมากหน่อ

รายงานจากกรมศิลปากร ที่ ๗ เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลับราชภัฏเชียงราย สำรวจพื้นที่บริเวณ เวียงหนองหล่ม พบแหล่งโบราณคดีจำนวนมาก ... อ่านรายงาน

ในรายงานของกรมศิลฯ กล่าวว่า บริเวณเวียงหนองหล่ม เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนเก่าแก่ ตั้งแต่ ๑๔๖ ปี ก่อนพุทธกาลหรือไม่ต้องรอพิสูจน์หลักฐานที่ค้นพบ แต่เศียรพระพุทธรูปคงไม่ใช่ก่อนพุทธกาลแน่นอน ที่อาจเป็นไปได้ ชุมชนแห่งนี้เกิดขึ้นก่อนพุทธกาล แล้ว พุทธศาสนาเริ่มเข้ามาภายหลัง


wiangnonglom-07.jpg wiangnonglom-09.jpg
wiangnonglom-16.jpg wiangnonglom-10.jpg
     
โยนกนาคพันธ์และสิงหนวติ ตามรายงานของกรมศิลปากร ภาค ๗ เชียงใหม่

โยนกนาคพันธ์และสิงหนวัติ

 

โยนกนาคพันธ์ คือ เมืองในตำนานที่ปรากฏร่องรอยการอพยบเคลื่อนย้ายเข้ามาของผู้คน และปรากฏร่องรอยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่ เก่าแก่ที่สุดในแอ่งที่ราบเชียงราย – เชียงแสน เมืองแห่งนี้มีอายุตามตำนานในช่วง ๑๔๘ ปีก่อนพุทธศักราช ถึง พ.ศ. ๑๐๘๘

ตำนานกล่าวถึงเจ้าชายสิงหนวัติ พาผู้คนอพยบจากเมืองไทยเทศ มุ่งลงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามแม่น้ำสรภู มาตั้งบ้านเมืองอยู่ในอแงที่ราบแห่งหนึ่งไกลจากแม่น้ำขรนทีราว ๗,๐๐๐ วา (ไม่ไกลไปจากเมืองเก่า ที่ล่มสลายไปก่อนหน้า คือ เมืองสุวรรณโคมคำ) นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ความเห็นในทิศทาง ที่สอดคล้องกันว่า โยนกนาคพันธ์ คือบริเวณที่ปัจจะบันเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่คาบเกี่ยวระหว่างตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน ลำเภอจันจว้า ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ที่รู้จักกันในชื่อ “เวียงหนองหล่ม”

ใน พ.ศ. ๒๕๕๒ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ดำเนินการสำรวจพื้นที่บริเวณเวียงหนองหล่ม พบว่าในพื้นที่บริเวณเวียงหนองหล่มพบแหล่งโบราณคดีจำนวนมาก พื้นที่ที่พบแหล่งโบราณคดีหนาแน่นที่สุดคือพื้นที่ตำบลท่าข้างเปลือก โดยกระจายอยู่รอบหนองหลวง หนองกากอก หนองขวาง หนองมน และลำน้ำลัว ซึ่งเป็นแหลงน้ำธรรมชาติในพื้นที่

นอกจากนั้นยังมีโบราณสถานบางส่วนที่กระจายตัวอยู่บริเวณขอบพื้นที่โดยเฉพาะขอบพื้นที่ด้าน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่เริ่มลาดสูงขึ้นเป็นพื้นที่เนินเขา ซึ่งต่อเนื่องไปจากแนวพื้นที่นี้ปรากฏพบโบราณสถาน ประเภทคู – คันดินตามพื้นที่ยอดดอย จากการสำรวจพบว่าโบราณสถานสถานที่อยู่กลางเวียงหนองหล่ม และตามขอบพื้นที่ส่วนมาเป็นศาสนสถานประเภทเจดีย์และวิหาร ที่วางตัวตามแนวแกนทิศตะวันออก-ตะวันตก โดยมีเนินวิหารตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก และมีเนินเจดีย์ผังเนินค่อนข้างเป็นวงกลมอยู่ทาง ทิศตะวันตกของพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งเป็นลักษณะตามแบบแผนการวางตัวของโบราณสถานในล้านนา

สิ่งแรกที่เป็นข้อสังเกตที่น่าหยิบยกมาพิจารณาเกี่ยวกับโยนกนาคพันธ์ คือช่วงระยะเวลาการเกิด เมืองตามตำนาน หากพิจารณาตามช่วงเวลาที่ตำนานสิงหนวติกล่าวถึง การเข้ามาตั้งบ้านเมืองของเจ้าชาย สิงหนวติ ในแอ่งที่ราบเชียงแสน เกิดขึ้น ๑๔๘ ปี ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน (๑๔๗ ปี ก่อนพุทธศักราช)   หากเชื่อว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้อาจมีเค้าความจริง การอพยพเคลื่อนย้ายเข้ามาของสิงหนวติ อาจเป็นการอพยบเคลื่อนย้ายผู้คนที่ปรากฏในเอกสารประวัติศาสจร์ที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือก็เป็นได้ คือเกิดขึ้นราว ๒,๗๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งตรงกับสมัยก่อนประวัติศาสตร์ช่วงรอยต่อยุคสำริดกับยุคเหล็ก เวลาดังกล่าวเป็นช่วงสำคัญที่พัฒนาการทางสังคมที่เริ่มยกระดับจากชุมชน หมู่บ้าน สู่ความเป็นเมือง (สังคมเริ่มเข้าสู่ความเป็นเมืองเมื่อผู้คนเริ่มรู้จักการผลิตและใช้เหล็ก)

ตำนวนสิงหนวติ จึงอาจสะท้อนถึงการเคลื่อนย้ายผู้คนจากจีนตอนใต้มาสู่แอ่งที่ราบเชียงแสน ซึ่งเป็นแอ่งที่ราบขนาดใหญ่และเพียงพอแก่การ รองรับการขยายตัวของประชากรและสังคมในช่วงปลายยุคสำริดที่ติ่เนื่องยุคเหล็ก หลักฐานทางโบราณคดีที่อาจเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ ดังกล่าว คือ การพบกลองมโหระทึกสำริด ที่เป็นโบราณวัตถุที่พบตั้งแต่จีนตอนใต้กระจายมาตามลำน้ำโขงจนถึงประเทศเวียตนาม กลองมโหระทึกที่เวียงหนองหล่มนี้มีที่มาว่าถูกพบจากการขุดลอกหนองเขียว ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของเวียงหนองหล่ม ใกล้กับโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม แต่ทั้งนี้ประเด็นเรื่องช่วงเวลายังเป็นประเด็นที่ต้องมีการศึกษาถึงหลักฐานทาง โบราณคดีประกอบอีกมาก

 โดยอาจจะสันนิษฐานได้ว่าการอพยบเคลื่อนย้ายผู้คนเข้ามาของสิงหนวติอาจเกิดขึ้นในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ในช่วงใดช่วงหนึ่งของยุคเหล็ก (๒,๕๐๐ – ๑,๕๐๐ ปีมาแล้ว) โดยเป็นการอพยพจากยึนตอนใต้ลงมาเพื่แสวงหาพื้นที่ทำกินและแหล่งทรัพยากรใหม่ รองรับการขยายตัวของสังคม ซึ่งเวลานั้นอาจมิได้เป็นสังคมระดับเมือง (แต่เป็นชุมชนขนาดใหญ่) จนมีพัฒนาการก้าวสู่ความเป็นเมืองหลังจากที่มีการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในพื้นที่ ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงเวลา ๑,๕๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว (พุทธศตวรรษที่ ๑๑ – ๑๓)

 อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานที่เป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าลงไปถึงช่วงเวลาก่อน พ.ศ. ๑๐๘๘ ที่เมืองถล่มจมลงเป็นหนองน้ำ  โดยโบราณสถานที่สำรวจพบกำหนดอายุได้ในช่วงล้านนา ในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๒ แต่ข้อมูลจากเอกสารจีนที่กล่าวถึงชื่อรัฐ “ปาไป่ซีฟู” ซึ่งเป็นชื่อเรียกดินแดนล้านนา ในเขตแอ่งที่ราบเชียงราย ความหมายของ “ปาไป่ซีฟู” คือ สนมแปดร้อย ซึ่งสท้อนให้เห็นการสร้างอำนาจเครือข่ายการปกครองบนพื้นฐานการแต่งงานระหวางเครือญาติเมืองต่าง ๆ บนเส้นทางติดต่อค้าขายในเขตตอนใต้ของจีน โดยมีหลักฐานสำคัญที่บอกระยะเวลาของรฐ “ปาไป่ซีฟู” ว่ามีอายุอย่างน้อยตั้งแต่พ.ศ. ๑๒๗๐ เป็นต้นมา ข้อมูลเอกสารจีนดังกล่าวจึงถือว่าเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่เก่าทุ่ด ที่แสดงถึงแหล่งชุมชนคนไทในพื้นที่แอ่งเชียงราย – เชียงแสน ว่าได้มีพัฒนาการทางสังคมในระดับเมืองหรือรัฐขึ้นแล้ว แม้ว่าเอกสารจีนจะไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดในชื่อของเมืองโยนกนาคพันธุ์ โดยตรง


wiangnonglom-14.jpg wiangnonglom-15.jpg
wiangnonglom-17.gif wiangnonglom-19.jpg
wiangnonglom-18.jpg

wiangnonglom-20.jpg

บริเวณค้นพย

     
 
รายงานการค้นหาแหล่งโบราณคดี เวียงหนองหล่ม
 

โบราณคดีเวียงหนองหล่ม

ปลายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ได้ดำเนินการสำรวจทางโบราณคดีที่เยงหนองหล่มครอบคลุมพื้นที่เขตตำบลท่าข้าวเปลือกทางด้านทิศตะวันออก พื้นที่บางส่วนของตำบลจันจว้า  ตำบลจันจว้าใต้ ตำบลจอมสวรรค์ และตำบลสันทราย ในเขตปกครองของอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย  ส่วนด้านทิศเหนือครอบคลุมพื้นที่เขตตำบลโยนกและตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินงานครั้งนี้เพื่อตรวจสอบสภาพปัจจุบันและสภาพหลักฐานที่เหลืออยู่ของแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ เวียงหนองหล่ม

ผลจากการดำเนินงานพบโบราณสภานจำนวน ๕๔ หลัง โดยแบ่งเป็นศาสนสถาน จำนวน ๔๐ แหล่ง เมืองโบราณที่มีคูน้ำคันดินจำนวน ๑๐ แหล่ง และแหล่งโบราณคดีประเภทที่อยู่อาศัย จำนวน ๔ แหล่ง พื้นที่ที่พบแหล่งโบราณคดีมากที่สุดคือ ตำบลท่าข้าวเปลือก รองลงมาคือพื้นที่จันจว้าและจันจว้าใต้ เพราะทั้งสองพื้นที่นี้ครอบลุมพื้นที่ส่วสใหญ่ของแอ่งที่ราบเวีหนองหล่ม

ผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ที่มีการเลือกใช้มากสุดคือ ยอดเขาสันเขาหรือยอดเนินเขาเตี้ย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาสนสถาน แหล่งที่อยู่อาศัย และเวียงโบราณ

รองลงมาคือ ที่ลาดเนินเขาเชิงดอยหรือบริเวณที่เป็ฯรอบต่อของภูเขากับพื้นที่ราบหรือปลายเนินก่อนถึงพื้นที่ราบ ซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานและที่อยู่อาศัย ลักษณพื้นที่ถัดมาที่ถูกเลือกใช้รือ บริเวณพื้นที่ราบลุ่มต่ำ พื้นที่สันดอนริมน้ำและสัน/โคก/ตอนกลางพื้นที่ราบ ซึ่งสัณฐานลักษณะนี้ ไม่ได้รับผลกระทบระดับน้ำมากนัก แต่มีสภาพกลายเป็นเกาะกลางน้ำ คล้ายกับวัดป่าหมากหน่อในปัจุจบัน

ผลการดำเนินงานใน พ.ศ. ๒๖๗๔ นำมาสู่การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในชื่อ “โครงการอนุรักษ์และพัฒนาศักภาพแหล่งมาดกวัฒนธรรมในพื้นที่เวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย” ประกอบด้วย กิจกรรมการขุดค้น-ขุดแต่งทางโบราณคดีในพื้นที่ตำบลโบนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กิจกรรมการสำรวจโบราณคดีในพื้นที่เกี่ยวเนื่องกับเวียงหนองหล่ม อำเภอแม่จันและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย


wiangnonglom-08.jpg wiangnonglom-13.jpg
     
 
 
 


   
     
       
 
 
       
       
 
 
       
       
       
       
     
     
     
     
     
All Rights Reserved    
admin@livinginthailand.com