Living in Thailand - เวียงหนองหล่ม เวียงหนองหล่ม  
เวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหลวัติ

 
เรียนเพื่อน ๆ นักท่องเว็บ
 

เว็บไซท์นี้ livinginthailand.com สร้างขึ้น กว่า 20 ปีมาแล้ว เพื่อ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และ และเพื่อน ๆ ที่เคยอาศัยอยู่ต่างประเทศ 

* ไม่เคยมีโฆษณา หรืออนุญาตให้มี โฆษณาแฝง และ ไม่เคยเปิดให้มีการ รับบริจาค ใด ๆ ทั้งสิ้น

หากพบว่า มีการโฆษณา หรือ โฆษณาแฝง หรือเปิดรับบริจาค ให้ถือว่าเป็นการบุกรุกเว็บไซท์ และให้ถือว่าการโฆษณานั้น ๆ หรือแอบด้างรับบริจาค ไม่เป็นความจริง และ อย่า กด ลิ้งก์ ซึ่งอาจเป็นการล่อลวง ... ขอบคุณครับ

* อีกประการหนึ่ง เว็บนี้ไม่มี คุ๊กกี้ ... เรากินหมดแล้ว

     

 
เรื่องราว เวียงหนองหล่ม อ่านพบในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น "เม็งราย" จากหัวข้อเรื่อง "เกาะแม่ม่าย" ได้เกิดความสนใจ ค้นคว้าตำนานการบอกเล่าเรื่องราวของ เวียงโยนกนาคพันธ์สิงหลวัติ และเหตุการล่มสลายไปเมื่อประมาณ ๑,๕๐๐ มาแล้ว
     
เวียงหนองหล่ม

หรือเมืองโบราณในอดีตที่ล่มสลายเมื่อประมาณ 1,500 ปี

เวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ
หรือ เมืองนาคพันธุ์สิงหนวัตินคร
หรือ อาณาจักรโยนกไชยบุรีศรีช้างแสน (หรือช้างแส่ง)
หรือโยนกนครราชธานีศรีช้างแสน
ชื่อทั้งหมดที่ใช้เรียกกันก็คือ เมือง "นาคพันธุ์สิงหนวัติ" ในตำนานโยนก

บริเวณหนองน้ำห่างจากทะเลสาบเชีงแสนไปทางใต้ เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณเวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ ก่อนที่จะล่มสลายไปเมื่อประมาณ 1,500 ปี

เรื่องราวของ เวียงหนองล่ม เคยอ่านในหนังสือพิมพ์ เม็งราย ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ตีพิมพ์เมื่อ 12 ปีก่อน ถ่ายทอดมาลงในเว็บไซท์เมื่อประมาณ 11 ปีก่อน ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่บูมเหมืองปัจจุบัน จึงไม่มีการหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่หนังสือพิมพ์เม็งราย ก็เขียนเรื่อง เวียงหนองหล่ม ไว้ดี

ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายให้อ่านในเว็บไซท์ต่างๆ มีทั้งข้อมูลเก่าและข้อมูลใหม่ที่บางข้อมูลไม่สามารถอธิบายในเชิงโบราณคดี หรือเชิงประวัติศาสตร์ได้

ก็มาเจอข้อมูลในเว็บไซท์ของจังหวัดเชียงราย ที่แปลมาจากเรื่องราวที่บันทึกไว้ในใบลานสมัยนั้น เรียบเรียงไว้อย่างละเอียด ถ้าข้อมูลที่นี่ไม่ถูกต้องก็ไม่ต้องไปหาอ่านที่อื่นอีกแล้ว

http://www.chiangrai.net/cpwp/?page_id=60

ควรแวะชมและศึกษาวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์สถานเชียงแสนควบคู่กับเรื่องราวที่อ่านในเว็บไซท์จังหวัดเชียงราย จะได้ภาพเรื่องราวในอดีตและความเป็นมาของจังหวัดเชียงรายที่ถูกต้อง น่าศึกษา เพราะว่า ที่นี่คือถิ่นกำเนิดของชนชาติไทยในประเทศไทย

ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศบางท่านอาจเห็นต่างในหัวข้อ "คนไทยมาจากไหน" เรื่องราวที่มีมาแต่โบราณของภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะที่เชียงแสน ชี้ชัดว่า การอพยพหรือย้ายถิ่นฐานของชนหลายกลุ่มจากบริเวณแถบตะวันตกและทางตอนใต้ของประเทศจีน รวมทั้งชุมชนที่เรียก "ไท" เช่น ไทลื้อ ไทเขิน เป็นต้น หรือคำว่า "ลาว" กษัตริย์ไทยพระนามว่า ลาวจก (หรือลาวจง) ปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์จังกราช
หรือลาวเมง (กษัตริย์ผู้ครองเชียงแสน)

ที่เขียนข้างล่างเป็นส่วนย่อที่อ่านจากเว็บไซท์สิบกว่าแห่ง สารานุกรมอิสระ (wikipaedia) อีก 3 หน้า และหนังสือพิมพ์เก่าที่ตีพิมพ์ไว้กว่าสิบปี อีก 2 ฉบับ
ก็ใช้เวลาอยู่ประมาณเดือนกว่า ก่อนที่มาเจอข้อมูลจากเว็บไซท์ของจังหวัดเชียงราย

ในประวัติ จ.เชียงราย กล่าวไว้ว่า

เจ้าสิงหนวัติกุมาร โอรสพระเจ้าเทวกาล กษัตริย์เมืองหนองแส เป็นชั้นหลานปู่ของขุนบรม ได้อพยพคนไทยประมาณแสนครัวจากหนองแส (ตาลิฟู) ลงมาสร้างเมืองขึ้นใหม่อีกให้มั่นคงถาวรยิ่งขึ้น แล้วขนานนามว่า เมืองนาคพันธุสิงหนวัตินคร ภายหลังเรียกสั้น ๆ ว่า นาเคนทร์นคร, นาคบุรี, โยนกนาคนคร และโยนกนครหลวง เป็นต้น (คือเมืองเชียงแสนในปัจจุบัน)

ก็หมายความว่า เมืองนาคพันธุสิงหนวัติ ไม่ได้อยู่ที่บริเวณเวียงหนองล่ม? อาจจมอยู่ในทะเลสาบเชียงแสน?

..........................

เมื่อช่วงปลายพุทธศัตวรรษที่ 10 - 18 ได้เกิดชุมชนอพยพหรือย้ายถิ่นฐานจากทางเหนือลงมาตั้งถิ่นฐานบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงตั้งแต่สิบสองปันนาลงไปถึงเมืองหริภุญชัย (จ.ลำพูน) และกระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่างๆ เช่น ลุ่มแม่น้ำกก แม่น้ำอิง แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน

ตำนานพงศาวดารโยนก

ตำนานโยนกกล่าวถึงเมืองนาคพันธุ์สิงหนวัติ ไว้ว่า เจ้าชายสิงหนวัติ พาไพร่พลออกจากเมืองราชคฤห์ เดินทางลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ได้สี่เดือน พบที่ราบกว้างไม่ห่างไกลจากลำน้ำโขง มีลำน้ำเล็กใหญ่และลำห้วยเหมาะต่อการทำไร่ทำนา เจ้าชายสิงหนวัติจึงได้สร้างเมืองบริเวณนี้ และตั้งชื่อว่า "เมืองพันธุ์สิงหนวัตินคร"

อาณาจักรโยนก มีกษัตริย์ปกครองต่อเนื่องถึง 46 พระองค์ องค์สุดท้ายคือ "มหาไชยชนะ" ก็ถึงกาลล่มสลาย ตามที่ตำนานเล่าขานว่า เพราะชาวเมืองกินปลาไหลเผือก

ตำนานเล่าขานเวียงหนองหล่ม

จากตำนานเล่าขานที่มีมาแต่โบราณเล่ากันมาว่า (ขอเล่าต่อเพียงแค่สีงเขป)

วันหนึ่งชาวเมืองเล่นน้ำกันอยู่ที่แม่น้ำ พบปลาไหลเผือกตัวโตเท่าลำตาล จึงช่วยกันจับนำมาถวายเจ้าเมือง เจ้าเมืองให้ตัดเป็นชิ้นแบ่งกันกิน ชาวบ้านได้นำไปแบ่งกันกินทั้งเมือง มีเพียงแม่ม่ายคนเดียวที่ไม่ได้กิน

ตกค่ำคืนนั้นก็เกิดอาเพศ ท้องฟ้ามืดมน เกิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนปานปฐพีจะล่มสลายสามครั้ง ถึงยามฟ้าสางเมืองนาคพันธึ์สิงหนวัติก็ล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำใหญ่ เหลือเพียงบ้านแม่ม่ายคนเดียว ปัจจุบันเรียกว่า "เกาะแม่ม่าย"

ตำนานเล่าขานเชื่อกันว่า เหตุเพราะชาวเมืองกินปลาไหลเผือกจึงทำให้เกิดอาเพศ เมืองทั้งเมืองจึงล่มสลาย เหลือแต่แม่ม่ายคนเดียวที่ไม่กิน

เหตุที่แม่ม่ายไม่ได้รับส่วนแบ่งก็เพราะว่า ในสมัยนั้นถือว่าแม่ม่ายเป็นคนในระดับต่ำ คล้ายๆ กาลกิณี

บางตำนานเล่าขานบอกว่า สาเหตุที่แม่ม่ายไม่ได้กิน ก็เพราะว่า แม่ม่ายไม่มีลูกหลานไปรับส่วนแบ่ง

อย่างไรก็ตาม ตำนานเล่าขานนี้มีมาแต่โบราณนับร้อยหรือหลายร้อยปีตามความเชื่อหรือเข้าใจ เรื่องราวจึงอาจแตกต่างกันไป เช่น

เรื่องพญานาคจำแลงเป็นปลาไหลเผือก ชาวเมืองกินเป็นอาหารจึงทำให้เกิดอาเพศ และที่แม่ม่ายรอดก็เพราะไม่ได้กิน เรื่องเล่านี้ก็ไปสอดคล้องกับเรื่องการสร้างเมือง ที่ว่า ระหว่างที่เจ้าชายสิงหนวัติหาที่สร้างเมืองอยู่ ได้พบกับพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า "พันธุพราหมณ์ "
ซึ่งเป็นพญานาคจำแลงมา ได้บอกเจ้าชายสิงหนวัติว่า ที่นี้เป็นที่ควรแก่การสร้างเมือง เจ้าชายสิงหนวัติจึงสร้างเมืองตรงนั้นและให้ชื่อเมืองว่า "นาคพันธุ์สิงหนวัติ" และก็ไปสอดคล้องกับเรื่องเล่าที่ว่า พญานาคจำแลงมาเป็นปลาไหลเผือก

อีกเรื่องที่มีการเล่ากันต่อมาว่า ที่ชาวเมืองนาคพันธึ์สิงหนวัติจับได้นั้น เป็น "ปลา" เรื่องเล่านี้ก็ไปสอดคล้องกับ "ปลาบึก" ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง
ปลาบึกเป็นปลาน้ำจีดที่มีขนาดใหญ่มาก ชาวประมงแถบเชียงแสนเคยจับได้ขนาดน้ำหนัก 200 กิโลกรัม สมัยก่อนอาจมีน้ำหนักมากกว่านั้นเหตุเพราะยังไม่มีการล่า ก็พอจะหั่นเป็นชิ้นส่วนกินกันได้ทั่วเมือง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นปลาไหลเผือกหรือปลาตัวโต เรื่องเล่าที่มีมาแต่โบราณนี้ มีสถานที่ยืนยันตามตำนานเล่าขาน เช่น บ้านแม่ลาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวบ้านช่วยกันลากปลาไหล (หรือปลา) บ้านแม่ลัว (ที่เข้าใจว่าเพี้ยนมาจากคำว่า คัว) หมายถึงบริเวณที่ชาวบ้านชำแหละปลาไหลเป็นชิ้นๆ แจกจ่ายกัน บ้านแม่ลากและบ้านแม่ลัว อยู่ในตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน

ถ้าเป็นเช่นนั้น เวียงหนองล่มก็น่าจะตั้งอยู่ที่บริเวณหนองน้ำใหญ่ แทนที่จะเป็นบริเวณใกล้เกาะแม่ม่าย

เวียงหนองล่ม

เมื่อดูในแผนที่จะเห็นว่า บ้านแม่ลาก บ้านแม่ลัว อยู่ใกล้หนองน้ำใหญ๋ ห่างจากเกาะแม่ม่าย ก็น่าจะสอดคล้องกับ เหตุที่แม่ม่ายไม่ได้กินปลาไหลก็เพราะว่า ไม่มีลูกหลานไปรับส่วนแบ่ง (แม่ม่ายอาจเป็นผู้เฒ่า เดินทางไกลไม่ได้)

ทางกรมศิลปากรได้มีการสำรวจในทางโบราณคดีรอบบริเวณหนองน้ำ รวมทั้งการสำรวจใต้หนองน้ำ เมื่อปี พ.ศ. 2537 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหนองน้ำกว้างใหญ่มาก สิ่งที่กรมศิลปากรพบเป็นเพียงชิ้นส่วนบ่งชี้ว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งชุมชน

เวียงโยนกนาคพันธุ์ล่มสลายเพราะเกิดแผ่นดินไหว ?

เวียงหนองล่ม

จากแผนที่ธรณีวิทยา จะเห็นว่าทะเลสาบเชียงแสน เกาะแม่ม่าย และหนองน้ำที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งเวียงโยนก อยู่ใกล้รอยเลื่อนแม่จันมาก
รอยเลื่อนแม่จันมีความยาวตั้งแต่ อ.ฝาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พาดผ่าน อ.แม่จัน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ จ.เชียงราย และยาวไปจนถึงประเทศลาว

กรมทรัพยากรธรณียังได้กล่าวถึงรอยเลื่อนแม่จันว่า มีพลังทำให้เกิดแผ่นดินไหวในระดับ 7 ริกเตอร์ได้

ถ้าเวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติล่มสลายเพราะแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ การคันหาเวียงหนองล่ม จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เวียงโยนกอาจไม่เหลือซากให้เห็น เพราะบริเวณหนองน้ำเป็นที่ลุ่ม เวียงโยนกอาจจมอยู่ใต้ดิน รวมทั้งตะกอนดินและวัชพืช ทับถมเป็นเวลากว่าพันปี ก็ยากที่จะค้นหา

ตัวอย่าง เวียงกุมกาม (ปัจจุบัน อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่) ที่นี่ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหว แต่เกิดจากอุทกภัยซ้ำซาก ทำให้ตะกอนดินทับถมกว่า 2 เมตรในระยะเวลา 700 ปี

ทางกรมศิลปากรคงต้องทุ่มเทงบประมาณจำนวนมากเพื่อค้นหาเวียงโบนกนาคพันธึ์ที่อาจจะพบเพียงแค่ซาก หรือกองอิฐเท่านั้น

ถ้าใครสนใจจะเป็นเจ้าภาพในการค้นหา ทางกรมศิลปากรก็ยินดีค้นหาให้ งบประมาณน่าจะอยู่ในระดับร้อยล้าน

เกาะแม่ม่าย วัดธาตุเขียว

วัดป่าหมากหน่อ (เกาะแม่ม่าย)

วัดธาตุเขียว (เวียงปรึกษา)
หิรัญนครเงินบางเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงา
หิรัญนครเงินยางเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงา
     
เพิ่มเติม
 

จากแผ่นป้ายประวัติวัดพระธาตุผาเงา ชี้ให้เห็นว่า เวียงโยนกนาคพันธุ์ มีมายาวนานกว่าสองพันปี

ขุนผาพิง เจ้าผู้ครองนครโยนกองค์ที่ 23 สร้างองค์พระธาตุขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 494 - 512

ถ้าดูจากองค์พระธาตุต่างๆ ที่นำมาบรรจุไว้ในองค์เจดีย์หลายแห่งในภาคเหนือตอนบน หลายองค์มีประวัติความเป็นมากว่าสองพันปี หรือวัดบางวัดก็มีประวัติความเป็นมาเข่นกัน ยกตัวอย่างวัดพระแก้ว หรือวัดป่าเยียะ (ป่าไผ่) ที่เมืองเชียงราย เชื่อกันว่ามีมาก่อนปี พ.ศ. 300

หลังจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสวรรคต การเผยแพร่คำสั่งสอนของพระองค์ก็ได้มีการแพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ และประเทศไทยตอนบนก็เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จะเห็นได้จากวัดวาอารามต่างๆ มากมายในจังหวัดเชียงราย เฉพาะเขตเมืองเชียงแสนก็มีประมาณ 74 วัด องค์เจดีย์ที่บรรจุพระธาตุก็มีอยู่หลายวัด

วัดพระธาตุผาเงา

วัดพระธาตุผาเงา

วัดพระธาตุผาเงา

     

 

รายงานจาก กรมศิลปากร ภาค ๗ จังหวัดเชียงใหม่

การขุดค้นแหล่งโบราณคดี เวียงหนองหล่ม ได้เริ่มเมื่อ ปี พ.ศ. 2564

 

คลิ๊กอ่านเพิ่มเติม

wiangnonglom-10.jpg

 

     
วัดป่าหมากหน่อ - เกาะแม่ม่าย
 
เกาะแม่ม่าย

เกาะแม่ม่าย หรือ วัดป่าหมากหน่อในปัจจุบัน

 

     
เวียงปรึกษา - ชุมชนหลังการล่มสลายของเวียงโยนก


วัดธาตุเขียว เวียงปรึกษา - ชุมชนหลังการล่มสลายของเวียงโยนก
 
 
เมืองโบราณเชียงแสน หรือ หิรัญนครเงินยางเชียงแสน
เมืองโบราณเชียงแสน สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๑๑๘๐


  หิรัญนครเงินยางเชียงแสน
     
เมืองโบราณ เชียงราย
 

เมืองโบราณ เชียงราย มีอายุมากกว่า ๗๖๐ ปี

หลังจากพระบิดาของ พญามังราย ซึ่งครองราชที่เมืองเชียงแสนสิ้นพระชนม์ พญามังรายก็ได้ย้ายเมืองมาที่ เชียงราย และขึ้นครองราชเป็นประถมกษัริย์ เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๐๕

travel Chiang Rai 760 years old city พ่อขุนมังรายมหาราช

 
   
     
 
เชียงแสน เมืองก่อนประวัติศาสตร์
 


Chiang Saen Museum  
     
 
 
 


   
     
     
     
All Rights Reserved    
admin@livinginthailand.com