หรือเมืองโบราณในอดีตที่ล่มสลายเมื่อประมาณ 1,500 ปี
เวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ
หรือ เมืองนาคพันธุ์สิงหนวัตินคร
หรือ อาณาจักรโยนกไชยบุรีศรีช้างแสน (หรือช้างแส่ง)
หรือโยนกนครราชธานีศรีช้างแสน
ชื่อทั้งหมดที่ใช้เรียกกันก็คือ เมือง "นาคพันธุ์สิงหนวัติ" ในตำนานโยนก
บริเวณหนองน้ำห่างจากทะเลสาบเชีงแสนไปทางใต้ เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณเวียงโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ ก่อนที่จะล่มสลายไปเมื่อประมาณ 1,500 ปี
เรื่องราวของ เวียงหนองล่ม เคยอ่านในหนังสือพิมพ์ เม็งราย ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ตีพิมพ์เมื่อ 12 ปีก่อน ถ่ายทอดมาลงในเว็บไซท์เมื่อประมาณ 11 ปีก่อน ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่บูมเหมืองปัจจุบัน จึงไม่มีการหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่หนังสือพิมพ์เม็งราย ก็เขียนเรื่อง เวียงหนองหล่ม ไว้ดี
ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายให้อ่านในเว็บไซท์ต่างๆ มีทั้งข้อมูลเก่าและข้อมูลใหม่ที่บางข้อมูลไม่สามารถอธิบายในเชิงโบราณคดี หรือเชิงประวัติศาสตร์ได้
ก็มาเจอข้อมูลในเว็บไซท์ของจังหวัดเชียงราย ที่แปลมาจากเรื่องราวที่บันทึกไว้ในใบลานสมัยนั้น เรียบเรียงไว้อย่างละเอียด ถ้าข้อมูลที่นี่ไม่ถูกต้องก็ไม่ต้องไปหาอ่านที่อื่นอีกแล้ว
http://www.chiangrai.net/cpwp/?page_id=60
ควรแวะชมและศึกษาวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์สถานเชียงแสนควบคู่กับเรื่องราวที่อ่านในเว็บไซท์จังหวัดเชียงราย จะได้ภาพเรื่องราวในอดีตและความเป็นมาของจังหวัดเชียงรายที่ถูกต้อง น่าศึกษา เพราะว่า ที่นี่คือถิ่นกำเนิดของชนชาติไทยในประเทศไทย
ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศบางท่านอาจเห็นต่างในหัวข้อ "คนไทยมาจากไหน" เรื่องราวที่มีมาแต่โบราณของภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะที่เชียงแสน ชี้ชัดว่า การอพยพหรือย้ายถิ่นฐานของชนหลายกลุ่มจากบริเวณแถบตะวันตกและทางตอนใต้ของประเทศจีน รวมทั้งชุมชนที่เรียก "ไท" เช่น ไทลื้อ ไทเขิน เป็นต้น หรือคำว่า "ลาว" กษัตริย์ไทยพระนามว่า ลาวจก (หรือลาวจง) ปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์จังกราช
หรือลาวเมง (กษัตริย์ผู้ครองเชียงแสน)
ที่เขียนข้างล่างเป็นส่วนย่อที่อ่านจากเว็บไซท์สิบกว่าแห่ง สารานุกรมอิสระ (wikipaedia) อีก 3 หน้า และหนังสือพิมพ์เก่าที่ตีพิมพ์ไว้กว่าสิบปี อีก 2 ฉบับ
ก็ใช้เวลาอยู่ประมาณเดือนกว่า ก่อนที่มาเจอข้อมูลจากเว็บไซท์ของจังหวัดเชียงราย
ในประวัติ จ.เชียงราย กล่าวไว้ว่า
เจ้าสิงหนวัติกุมาร โอรสพระเจ้าเทวกาล กษัตริย์เมืองหนองแส เป็นชั้นหลานปู่ของขุนบรม ได้อพยพคนไทยประมาณแสนครัวจากหนองแส (ตาลิฟู) ลงมาสร้างเมืองขึ้นใหม่อีกให้มั่นคงถาวรยิ่งขึ้น แล้วขนานนามว่า เมืองนาคพันธุสิงหนวัตินคร ภายหลังเรียกสั้น ๆ ว่า นาเคนทร์นคร, นาคบุรี, โยนกนาคนคร และโยนกนครหลวง เป็นต้น (คือเมืองเชียงแสนในปัจจุบัน)
ก็หมายความว่า เมืองนาคพันธุสิงหนวัติ ไม่ได้อยู่ที่บริเวณเวียงหนองล่ม? อาจจมอยู่ในทะเลสาบเชียงแสน?
..........................
เมื่อช่วงปลายพุทธศัตวรรษที่ 10 - 18 ได้เกิดชุมชนอพยพหรือย้ายถิ่นฐานจากทางเหนือลงมาตั้งถิ่นฐานบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงตั้งแต่สิบสองปันนาลงไปถึงเมืองหริภุญชัย (จ.ลำพูน) และกระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่างๆ เช่น ลุ่มแม่น้ำกก แม่น้ำอิง แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน
ตำนานพงศาวดารโยนก
ตำนานโยนกกล่าวถึงเมืองนาคพันธุ์สิงหนวัติ ไว้ว่า เจ้าชายสิงหนวัติ พาไพร่พลออกจากเมืองราชคฤห์ เดินทางลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ได้สี่เดือน พบที่ราบกว้างไม่ห่างไกลจากลำน้ำโขง มีลำน้ำเล็กใหญ่และลำห้วยเหมาะต่อการทำไร่ทำนา เจ้าชายสิงหนวัติจึงได้สร้างเมืองบริเวณนี้ และตั้งชื่อว่า "เมืองพันธุ์สิงหนวัตินคร"
อาณาจักรโยนก มีกษัตริย์ปกครองต่อเนื่องถึง 46 พระองค์ องค์สุดท้ายคือ "มหาไชยชนะ" ก็ถึงกาลล่มสลาย ตามที่ตำนานเล่าขานว่า เพราะชาวเมืองกินปลาไหลเผือก
ตำนานเล่าขานเวียงหนองหล่ม
จากตำนานเล่าขานที่มีมาแต่โบราณเล่ากันมาว่า (ขอเล่าต่อเพียงแค่สีงเขป)
วันหนึ่งชาวเมืองเล่นน้ำกันอยู่ที่แม่น้ำ พบปลาไหลเผือกตัวโตเท่าลำตาล จึงช่วยกันจับนำมาถวายเจ้าเมือง เจ้าเมืองให้ตัดเป็นชิ้นแบ่งกันกิน ชาวบ้านได้นำไปแบ่งกันกินทั้งเมือง มีเพียงแม่ม่ายคนเดียวที่ไม่ได้กิน
ตกค่ำคืนนั้นก็เกิดอาเพศ ท้องฟ้ามืดมน เกิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนปานปฐพีจะล่มสลายสามครั้ง ถึงยามฟ้าสางเมืองนาคพันธึ์สิงหนวัติก็ล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำใหญ่ เหลือเพียงบ้านแม่ม่ายคนเดียว ปัจจุบันเรียกว่า "เกาะแม่ม่าย"
ตำนานเล่าขานเชื่อกันว่า เหตุเพราะชาวเมืองกินปลาไหลเผือกจึงทำให้เกิดอาเพศ เมืองทั้งเมืองจึงล่มสลาย เหลือแต่แม่ม่ายคนเดียวที่ไม่กิน
เหตุที่แม่ม่ายไม่ได้รับส่วนแบ่งก็เพราะว่า ในสมัยนั้นถือว่าแม่ม่ายเป็นคนในระดับต่ำ คล้ายๆ กาลกิณี
บางตำนานเล่าขานบอกว่า สาเหตุที่แม่ม่ายไม่ได้กิน ก็เพราะว่า แม่ม่ายไม่มีลูกหลานไปรับส่วนแบ่ง
อย่างไรก็ตาม ตำนานเล่าขานนี้มีมาแต่โบราณนับร้อยหรือหลายร้อยปีตามความเชื่อหรือเข้าใจ เรื่องราวจึงอาจแตกต่างกันไป เช่น
เรื่องพญานาคจำแลงเป็นปลาไหลเผือก ชาวเมืองกินเป็นอาหารจึงทำให้เกิดอาเพศ และที่แม่ม่ายรอดก็เพราะไม่ได้กิน เรื่องเล่านี้ก็ไปสอดคล้องกับเรื่องการสร้างเมือง ที่ว่า ระหว่างที่เจ้าชายสิงหนวัติหาที่สร้างเมืองอยู่ ได้พบกับพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า "พันธุพราหมณ์ "
ซึ่งเป็นพญานาคจำแลงมา ได้บอกเจ้าชายสิงหนวัติว่า ที่นี้เป็นที่ควรแก่การสร้างเมือง เจ้าชายสิงหนวัติจึงสร้างเมืองตรงนั้นและให้ชื่อเมืองว่า "นาคพันธุ์สิงหนวัติ" และก็ไปสอดคล้องกับเรื่องเล่าที่ว่า พญานาคจำแลงมาเป็นปลาไหลเผือก
อีกเรื่องที่มีการเล่ากันต่อมาว่า ที่ชาวเมืองนาคพันธึ์สิงหนวัติจับได้นั้น เป็น "ปลา" เรื่องเล่านี้ก็ไปสอดคล้องกับ "ปลาบึก" ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง
ปลาบึกเป็นปลาน้ำจีดที่มีขนาดใหญ่มาก ชาวประมงแถบเชียงแสนเคยจับได้ขนาดน้ำหนัก 200 กิโลกรัม สมัยก่อนอาจมีน้ำหนักมากกว่านั้นเหตุเพราะยังไม่มีการล่า ก็พอจะหั่นเป็นชิ้นส่วนกินกันได้ทั่วเมือง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นปลาไหลเผือกหรือปลาตัวโต เรื่องเล่าที่มีมาแต่โบราณนี้ มีสถานที่ยืนยันตามตำนานเล่าขาน เช่น บ้านแม่ลาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวบ้านช่วยกันลากปลาไหล (หรือปลา) บ้านแม่ลัว (ที่เข้าใจว่าเพี้ยนมาจากคำว่า คัว) หมายถึงบริเวณที่ชาวบ้านชำแหละปลาไหลเป็นชิ้นๆ แจกจ่ายกัน บ้านแม่ลากและบ้านแม่ลัว อยู่ในตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน
ถ้าเป็นเช่นนั้น เวียงหนองล่มก็น่าจะตั้งอยู่ที่บริเวณหนองน้ำใหญ่ แทนที่จะเป็นบริเวณใกล้เกาะแม่ม่าย |