ข้อ ๑
- ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑”
ข้อ ๒
- ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
- “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
- “เขตเลือกตั้ง” หมายความว่า ท้องที่ที่กาหนดเป็นเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
- “จังหวัด” หมายความรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย
- “อาเภอ” หมายความรวมถึงเขตด้วย
- “ตาบล” หมายความรวมถึงแขวงด้วย
- “ศาลากลางจังหวัด” หมายความรวมถึงศาลาว่าการกรุงเทพมหานครด้วย
- “ที่ว่าการอาเภอ” หมายความรวมถึงสานักงานเขตด้วย
- “สานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด” หมายความรวมถึงสานักงานคณะกรรมการ
การเลือกตั้งประจากรุงเทพมหานครด้วย
ข้อ ๔
- ในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้ ให้ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ประจาจังหวัดตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการบริหารงานบุคคล (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัด โดยมีหน้าที่และอานาจตามที่กาหนดไว้ในระเบียบนี้
ข้อ ๕
- ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
- ในกรณีที่ระเบียบนี้ไม่ครอบคลุมถึงหรือมีปัญหาข้อขัดข้องในทางปฏิบัติในประเด็นอื่น
ที่มิได้มีการระบุไว้ในระเบียบนี้ หรือมีความจาเป็นต้องยกเว้นการปฏิบัติหรือย่นระยะเวลาหรือขยายระยะเวลา
การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ซึ่งไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัติของกฎหมาย ให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาอนุมัติเป็นรายกรณี
ข้อ ๖
- ภายในสามวันนับจากวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้คณะกรรมการประกาศกาหนด
จานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ดาเนินการตามวิธีการ ดังต่อไปนี้
(๑) ให้ใช้จานวนราษฎรทั้งประเทศตามประกาศสานักทะเบียนกลาง เรื่อง จานวนราษฎร
ทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ที่ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ อันถือได้ว่าเป็นที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มี
การเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามร้อยห้าสิบคน จานวนที่ได้รับให้ถือว่า
เป็นจานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน
(๒) จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนตาม (๑) ให้มีสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนั้นได้หนึ่งคน โดยให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
(๓) จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนทุกจานวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน
(๔) เมื่อได้จานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดตาม (๒) และ (๓) แล้ว
ถ้าจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ครบสามร้อยห้าสิบคน จังหวัดใดมีเศษที่เหลือจากการคานวณ
ตาม (๓) มากที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่ม
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวิธีการดังกล่าวแก่จังหวัดที่มีเศษที่เหลือจากการคานวณนั้นในลาดับ
รองลงมาตามลาดับจนครบจานวนสามร้อยห้าสิบคน
ข้อ ๗
- จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็น
เขตเลือกตั้งเท่าจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี โดยให้ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัดพิจารณา
แบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องจัดให้มีจานวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน
ดังต่อไปนี้
(๑) ให้รวมอาเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง โดยคานึงถึงพื้นที่ที่ติดต่อใกล้ชิดกัน ความสะดวก
ในการคมนาคมระหว่างกัน และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน ถ้าการรวมอาเภอในลักษณะนี้
จะทาให้มีจานวนราษฎรมากหรือน้อยเกินไป ให้แยกตาบลของอาเภอออกเพื่อให้ได้จานวนราษฎรพอเพียง
สาหรับการเป็นเขตเลือกตั้ง แต่จะแยกหรือรวมเฉพาะเพียงบางส่วนของตาบลไม่ได้
(๒) ในกรณีที่การกาหนดพื้นที่ตามเกณฑ์ใน (๑) จะทาให้จานวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง
มีจานวนไม่ใกล้เคียงกันหรือไม่มีสภาพเป็นชุมชนเดียวกัน ให้ดาเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งตามสภาพของชุมชน
ที่ราษฎรมีการติดต่อกันเป็นประจาในลักษณะที่เป็นชุมชนเดียวกันหรือใกล้เคียงกันและสามารถเดินทาง
ติดต่อกันได้โดยสะดวก โดยจะต้องทาให้จานวนราษฎรมีจานวนใกล้เคียงกันมากที่สุด
การดาเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้แล้วเสร็จภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีประกาศตามข้อ ๖
ข้อ ๘
- ให้ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัดประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง
ตามข้อ ๗ อย่างน้อยสามรูปแบบเพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองและประชาชนในจังหวัด
เป็นเวลาสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ ซึ่งแต่ละรูปแบบต้องประกอบด้วย
(๑) รายละเอียดเกี่ยวกับอาเภอหรือตาบล หรือเขตพื้นที่ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งแต่ละเขต
(๒) จานวนราษฎรของแต่ละเขตเลือกตั้ง และผลต่างของจานวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้ง
จากจานวนเฉลี่ยราษฎรต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคนในจังหวัดนั้น
(๓) เหตุผลประกอบการเสนอแนะการแบ่งเขตเลือกตั้ง
(๔) แผนที่แสดงรายละเอียดของพื้นที่ที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเลือกตั้ง
- ประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ปิดไว้ ณ สานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด
ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอาเภอ สานักงานเทศบาล ที่ทาการองค์การบริหารส่วนตาบล และให้ประชาสัมพันธ์
ผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ ในจังหวัดด้วย
- ในกรณีพรรคการเมือง ส่วนราชการ หรือบุคคลใดต้องการรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ปิดประกาศไว้
ให้ขอคัดสาเนาจากสานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด โดยเสียค่าใช้จ่ายเองตามวิธีการ
ที่สานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัดกาหนด
ข้อ ๙
- ภายในสามวันนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองและ
ประชาชนในจังหวัด ตามข้อ ๘ ให้ผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัดนาความเห็นและข้อเสนอแนะ
ของพรรคการเมืองและประชาชนในจังหวัด ประกอบการพิจารณาการแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดอีก
ครั้งหนึ่ง แล้วให้เสนอผลการพิจารณา รวบรวมสรุปความเห็นและข้อเสนอแนะของพรรคการเมืองและ
ประชาชนในจังหวัด พร้อมผลการพิจารณาข้อเสนอแนะการแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดอย่างน้อยสามรูปแบบ
เรียงตามลาดับความเหมาะสมต่อคณะกรรมการในวันถัดไป
ข้อ ๑๐
- ภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการได้รับรูปแบบการแบ่งเขตตามข้อ ๙
จากผู้อานวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัด ให้คณะกรรมการประชุมพิจารณารูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง
ให้แล้วเสร็จ
ข้อ ๑๑
- เมื่อคณะกรรมการได้ดาเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการประกาศ
การแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา หน้า ๓ เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๗๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑
ข้อ ๑๒
- เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป
ให้คณะกรรมการประกาศจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี
และจานวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับอาเภอ
หรือเขตพื้นที่ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งในคราวนั้น โดยถือเขตเลือกตั้งที่มีการประกาศกาหนดไว้ตามข้อ ๑๑
...................................................
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑
อิทธิพร บุญประคอง
ประธานกรรมการการเลือกตั้ง |