|  |  | ส่วนที่ ๑ บททั่วไป |  |  | 
      
        | มาตรา ๑๙๗ | 
            การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาล ซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปโดยยุธติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธพระมหากษัตริย์ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายการโยกย้ายผู้พิพากษาและตุลาการโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิพากษาและตุลาการนั้น จะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นการโยกย้ายตามวาระตามที่กฎหมายบัญญัติ เป็นการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น เป็นกรณีที่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินการทางวินัยหรือตกเป็นจะเลยในคดีอาญา เป็นกรณีที่กระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมในการพิจาณาพิพากษาคดี หรือมีเหตุวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติผู้พิพากษาและตุลาการจะเป็นข้าราชการการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิได | 
      
        | มาตรา ๑๙๘ | 
            บรรดาศาลทั้งหลายจะตั้งขึ้นได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติการตั้งศาลขึ้นใหม่เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งหรือคดีที่มีข้อหาฐานใดฐานหนึ่งโดยเฉพาะแทนศาลที่มีอยู่ ตามกฎหมายสำหรับพิจารพิพากษาคดีนั้น จะกระทำมิได้การบัญญัติกฎหมายให้มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลหรือวิธีพิจารณาเพื่อ ใช้แำก่คดีใดคดีหนึ่งโดยเฉพาะ จะกระทำมิได | 
      
        | มาตรา ๑๙๙ | 
            ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่าง ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร หรือศาลอื่น ให้พิจารณาวินิจฉัยชื้ขาดโดยคณะกรรมการคณะหนึ่งซึ่ง ประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลอื่น และผู้ทรงวุฒิอื่นอีกไม่เกินสี่คนตามที่กฎหมายบัญญัติ เป็นกรรมการหลักเกณฑ์การเสนอปัญหาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ | 
      
        | มาตรา ๒๐๐ | 
            พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งผู้พิพากษาและตุลาการ และทรงให้พ้นจากตำแหน่ง เว้นแต่กรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตายการแต่งตั้งและการให้ผู้พิพากษาและตุลาการในศาลอื่นนอกจากศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลทหาร พ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนอำนาจพิพากษาคดีและวิธีพิจารณาของศาลดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลนั้น | 
      
        | มาตรา ๒๐๑ | 
            ก่อนเข้ารับหน้าที่ผู้พิพากษาและตุลาการต้องถวายสัตย์ปฎิญณต่อพระบาทสมเด็จพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้"ข้าพระพุธเจ้า (ชื่อผู้ปฎิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฎิญาณว่า ข้าพระพุธเจ้าจะจงรัภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และปฎิบัติหน้าที่ ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความ สงบสุขแห่งราชอณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฎิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ | 
      
        | มาตรา ๒๐๒ | 
            เงินเดือน เงินเดือนประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้พิพากษาและตุลาการ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ จะนำระบบบัญชีเงินเดือนหรือเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับมิได้ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรรมการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามทุจรตแห่งชาติ และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ด้วยโดยอนุโลม | 
      
        | มาตรา ๒๐๓ | 
            บุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม กรรมการในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง หรือกรรมการในคณะกรรมการตุลาการของศาลอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ในเวลาเดียวกันมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการโยตำแหน่งหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ | 
      
        |  |  |  |  |  |  |  |  | 
      
        | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() |