Living in Thailand ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ....  

       
  ส่วนที่ ๓  
การถอดถอนจากตาแหน่ง
 
 

มาตรา ๒๓๘

  • ให้รัฐสภามีอำนาจพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    หรือสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่ง
    หน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหรือที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
    รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกจากตำแหน่งได้
  • ให้วุฒิสภามีอำนาจพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
    ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ซึ่งมีพฤติการณ์ตามวรรคหนึ่ง ออกจากตำแหน่งได้
    แต่สำหรับการถอดถอนกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบ
    รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
  • บทบัญญัติวรรคสองให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ

(๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมมูญ กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการแผ่นดิน

(๒) ผู้พิพากษา ตุลาการ ข้าราชการอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานของรัฐหรือเทียบเท่า ทั้งนี้
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

มาตรา ๒๓๙

  • บุคคลดังต่อไปนี้ มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ออกจากตำแหน่ง

(๑) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานสภาหรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี เพื่อให้รัฐสภาหรือวุฒิสภามีมติให้
ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ออกจากตำแหน่ง

(๒) ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภา
หรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี ให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ออกจากตำแหน่ง

  • คำร้องขอตามวรรคหนึ่งต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อๆ ให้ชัดเจน

มาตรา ๒๔๐

  • ในกรณีที่มีการร้องขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

(๑) ในกรณีที่กล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ว่ามีพฤติการณ์ตามมาตรา ๒๓๘ วรรคหนึ่ง
ซึ่งมิใช่เป็นการกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ให้ประธานรัฐสภาหรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติโดยเร็ว และให้ดำเนินการต่อไป ดังนี้

(ก) ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล นับแต่วันดังกล่าวผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหา
จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้ จนกว่ารัฐสภาหรือวุฒิสภา แล้วแต่กรณี จะมีมติ และให้ดำเนินการต่อไปตาม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่ถ้าเห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป

(ข) เมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทำรายงานเสนอต่อ
ประธานรัฐสภาหรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี โดยในรายงานดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหา
ตามคำร้องขอข้อใดมีมูลหรือไม่ มีพยานหลักฐานใด

(๒) ในกรณีที่กล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง
จริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ประธานรัฐสภาหรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเร็ว และให้ดำเนินการต่อไปดังนี้

(ก) ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแจ้งให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่
ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรม องค์กรละหนึ่งคน และให้ประธานกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมหนึ่งคนที่
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ เป็นคณะกรรมการพิจารณาการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรฐานทางจริยธรรม โดยเร็ว โดยให้แต่งตั้งเป็นรายกรณี

  • คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม อำนาจหน้าที่ วิธีการไต่สวนและพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการฝ่าฝืน
    หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม และการอื่นที่จำเป็น ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
    ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    (ข) เมื่อคณะกรรมการตาม (ก) ดำเนินการไต่สวนเสร็จแล้ว ให้ทำรายงานเสนอต่อประธานกรรมการป้องกันและ
    ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยในรายงานดังกล่าวต้องระบุให้ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อมูลมีมูลหรือไม่
    มีพยานหลักฐานใด ในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป แต่ถ้าเห็นว่าข้อกล่าวหาใดมีมูล
    ให้แจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ โดยนับแต่วันดังกล่าวผู้ดำรงตำแหน่ง
    ที่ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้ จนกว่ารัฐสภาหรือวุฒิสภา แล้วแต่กรณี จะมีมติ และให้คณะกรรมการ
    ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน
    และปราบปรามการทุจริต ในการนี้ ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติด้วยคะแนนเสียง
    ไม่น้อยกว่าสองในสามขอให้คณะกรรมการไต่สวนเพิ่มเติม ก็ให้คณะกรรมการดำเนินการไต่สวนต่อไปตามมตินั้น

(๓) เมื่อได้รับรายงานตาม (๑) หรือ (๒) แต่แล้วกรณี แล้ว ให้ประธานรัฐสภาหรือประธานวุฒิสภาจัดให้มีการประชุม
รัฐสภาหรือวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ส่งรายงานให้นอกสมัยประชุม ให้ประธานรัฐสภานำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภา
เป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภาลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

  • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียงลงคะแนนซึ่งต้องกระทำโดยวิธีลงคะแนนลับ
    มติรัฐสภาที่ให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๒๓๘ วรรคหนึ่ง ออกจากตำแหน่ง ให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า
    กึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา และมติวุฒิสภาที่ให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตาม
    มาตรา ๒๓๘ วรรคสองและวรรคสาม ออกจากตำแหน่ง ให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิก
    ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
  • มติที่ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่ง ไม่ว่าผู้นั้นจะยังคงอยู่ในตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งนั้นไปแล้วให้มีผลเป็น
    การตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือสิทธิในการดำรงตำแหน่งอื่นของผู้นั้นเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีมติ
    แต่ถ้าเป็นกรณีที่ถูกถอดถอนเพราะเหตุที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อ
    ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ให้มีผลเป็นการตัดสิทธิในการดำรง
    ตำแหน่งทางการเมืองหรือสิทธิในการดำรงตำแหน่งอื่นตลอดไป
  • การร้องขอ การพิจารณาและไต่สวนคำร้องขอ และการอื่นที่จำเป็น ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
    ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต