สภาฯ พิจารณาร่าง พรบ. นิรโทษกรรม  
หน้าแรก    

     

พรบ.ที่ผ่าน คณะกรรมาธิการ (กมธ.)

ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ....

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ...."

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

มาตรา 4 เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้ที่กระทำการตามมาตรา 3 ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวนหรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ในกรณีที่บุคคลใดอยู่ระหว่างการรับโทษ ให้ลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวให้ผู้นั้น ทั้งนี้ ให้ทุกองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติต่อกระทำการตามมาตรา 3 ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัดต่อไป

มาตรา 5 การนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ได้รับการนิรโทษกรรมในอันที่จะเรียกร้องสิทธิ หรือประโยชน์ใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง

มาตรา 6 การดำเนินการใดๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการตัดสินใจของบุคคลซึ่งไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐในการเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่ง จากการกระทำของบุคคลใดซึ่งพ้นจากความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัตินี้ และทำให้ตนต้องได้รับความเสียหาย

มาตรา 7 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พรบ.นิรโทษกรรมที่ผ่านคณะกรรมาธิการยกร่าง มีการตัดตอนสอดแทรก ให้เป็น พรบ.ฉบับสุดซอย

มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ทั้งหลายทั้งสิ้น ของบุคคล หรือประชาชน ที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือ ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะ บุคคล หรือองค์กรณ์ที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองกรณ์หรือหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะดัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดกฎหมายให้ผู้กระทำนั้นพ้นจากความผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว


นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นรองประธานกรรมาธิการร่าง พรบ. นิรโทษกรรม เสนอต่อที่ประชุมมีเนื้อหาว่า

มาตรา 3
       
ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือ ประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิด โดยคณะบุคคลหรือ องค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อ กฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิด โดยสิ้นเชิง
       
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

พรบ.ข้อนี้เขียนไว้อย่างชัดแจ้ง ไม่มีใครมีความผิด ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างการสอบสวน อยู่ในระหว่างศาล หรือศาลตัดสินลงโทษแล้วก็ตามให้ถือว่าไม่มีความผิด รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และล่าสุด นายประชา มาลีนนท์ด้วย และรวมทั้งต้องคืนเงินที่ยึดไปด้วย ก็เพราะเหตุว่า "ไม่มีความผิด" แม้ว่าในร่าง พรบ.ไม่ได้ระบุว่าต้อง คืนเงินให้ ทักษิณ แต่เมื่อ พรบ.ระบุว่า ไม่มีความผิดอีกต่อไป ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้คืนเงินที่ยึดไปได้ และรวมทั้งสามารถเรียกดอกเบี้ยจาำจำนวนเงินที่ยึดไปได้อีกด้วย รวามเบ็ดเสร็จแล้วมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท

เหตุที่ในร่าง พรบ.จึงไม่ระบุว่าจะต้องคืนเงินให้ทักษิณ และไม่มีการระบุเรื่องการเงินใน พรบ. ก็เพราะว่า จะต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 142 วรรคสอง

  • ในกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติซึ่งมีผู้เสนอตาม (๒) (๓) หรือ (๔) เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินจะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรี

และเหตุที่ไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีต้องลงนามรับรอง พรบ. ก็เพราะว่าจะเข้าข่าย "รู้เห็นเป็นใจกับร่าง พรบ. ซึ่งเข้าข่ายเอื้อผลประโยชน์ส่วนตัว จะทำให้ พรบ.นี้เป็นโมฆะ และเข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157


สภาฯ พิจารณาร่าง พรบ. นิรโทษกรรม

8 ส.ค. สภาผ่านร่าง พรบ.นิรโทษกรรม วาระ 1 ด้วยการลงคะแนนเสียง รับหลักการ 300 ไม่รับหลักการ 124 งดออกเสียง 14 ไม่ลงคะแนน 2

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัติ ซึ่งป่ายโรคไตวาย นั่งรถเข็นมาร่วมลงคะแนนด้วย

ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 35 คน โดยมีสัดส่วนกรรมาธิการฯ

  • พรรคเพื่อไทย 17
  • พรรคประชาธิปัตย์ 10
  • พรรคภูมิใจไทย 2
  • พรรคชาติไทยพัฒนา 1
  • พรรคชาติพัฒนา 1
  • พรรคพลังชล 1
  • คณะรัฐมนตรี 3 คน

ให้แปรญัตติภายใน 7 วัน ประธานสภาสั่งปิดการประชุมเวลา 16.50 น.

คณะกรรมการแปรญัติ

พรรคเพื่อไทย 1.นายสามารถ แก้วมีชัย 2.นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ 3.นายชวลิต วิชยสุทธิ์ 4.นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม 5.นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน 6.นายสงวน พรหมณี 7.พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ 8.นายวรชัย เหมะ 9.นายสุนัย จุลพงศธร 10.นายสุชาติ ลายน้ำเงิน 11.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ 12.นายขจิต ชัยนิคม 13.นายสุทิน คลังแสง 14.นายประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ 15.นายพิชิต ชื่นบาน 16.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ 17.นายวิชาญ มีนชัยนันท์

พรรคประชาธิปัติ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2.นายแก้วสรร อติโพธิ 3.นายวัชระ เพชรทอง 4.นายถาวร เสนเนียม 5.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ 6.นายวิรัช ร่มเย็น 7.นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท 8.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี 9.นายธนา ชีรวินิจ 10.นายบุญยอด สุขถิ่นไทย

พรรคภูมิใจไทย 1.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ 2.นายศุภชัย ใจสมุทร,

พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน คือ นายธาดา ไทยเศรษฐ์,

พรรคชาติพัฒนา 1 คน คือ นายประสาท ตันประเสริฐ

พรรคพลังชล 1 คน คือ นายรณเทพ อนุวัฒน์

7 ส.ค. เปิดสภาก็ซัดกันวุ่น ส.ส.วรชัย เหมะ อ่าน พรบ.นิรโทษกรรม โดน ปชป.โห่ ตะโกนขี้ข้า ส.ส. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตอบกลับด้วยการโชว์รองเท้า วันแรกปิดอภิปราย เกินเวลากว่าชั่วโมง ไม่มีการโหวด